เมื่อเริ่มเรียนโหรฯก็ต้องศึกษาจากลัคนาและฤกษ์กำเนิดก่อนเพื่อกำหนดกรอบในการทำนายได้ชัดขึ้น
แต่โบราณในทุกตำราจะกล่าวถึงจันทร์กำเนิดไว้เสมอ ทำให้ได้มุมมองว่าในเมื่อโบราณยังกล่าวถึงจันทร์แสดงว่าจันทร์ก็ย่อมมีส่วน บอกขอบเขตการทำนายได้ด้วย
ลัคนาเปรียบเสมือนตัวตนของเจ้าชะตา เป็นสังขารเป็นที่อยู่ของการปรุงแต่งต่าง ๆ แต่จันทร์เป็นจิตใจเป็นตัวกระตุ้นให้สังขารนั้นดำเนินไปตามความต้องการของ จิตใจ โบราณจึงต้องพิจารณาจันทร์ควบคู่ไปกับลัคนาเสมอ (ได้มีโอกาสได้ใช้ ซึ่งต้องขอให้เครดิตบรรพชนว่าเก่งมาก ที่สามารถ แยกจำพวกบุคคลออกได้โดยใช้ฤกษ์ลัคนาและจันทร์) เรื่องราวในดวงชะตาเป็นเรื่องที่จะเกิดหรือเกิดขึ้นแล้ว แต่เราจะมีปฎิกิริยาหรือมีการตอบสนองต่อเรื่องราวเหล่านี้อย่างไรต้องดู จันทร์เป็นหลัก ถ้าจันทร์ดี เด่น เข้มแข็ง และเกาะฤกษ์ดี เขาจะสามารถแก้ปัญหาและผ่านพ้นอุปสรรคชีวิตไปได้และเริ่มสรรค์สร้างชีวิตใหม่ กำลังใจที่ดีและเข็มแข็งสามารถทำให้ชีวิตของแต่ละคนดำรงอยู่และขับเคลื่อนไปตาม กระแสแห่งดวงดาวได้โดยไม่ยาก เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมในคนบางคน ดาวบางดวงและกฎเกณฑ์บางอย่างจึงใช้ไม่ได้ และดาวบางดวงกฎเกณฑ์บางอย่างจึงใช้ได้ ลองสังเกตดูที่จันทร์ เพราะโลกเรานี้อยู่ได้ด้วยแสงอาทิตย์ และดำเนินได้ด้วยความเกื้อหนุนของจันทร์ ครั้งโบราณ บรรพชนได้เขียนตำราว่าด้วยเรื่องของจันทร์ไว้ด้วย แสดงว่าท่านต้องสังเกตเห็นเหมือนกัน
ส่วนเรื่องฤกษ์นั้น มี 27 ฤกษ์ สามกลุ่ม อ่านฤกษ์กำเนิดได้ก่อนอ่านฤกษ์จันทร์ได้ เช่น
ถ้าเกิดสมโณฤกษ์ เขาจะค่อนข้างใช้ชีวิตอย่างสมถะ เพราะว่าเขาเกิดในฤกษ์ที่ดาวเจ้าฤกษ์และเจ้าการส่งเสริมหรือให้ผลในทางนั้น แต่ถ้าหากเขาไม่สามารถใช้ชีวิตหรือพอเพียงในทางสมถะได้เป็นเพราะ ถ้าหากจันทร์เขาเกาะเทศาตรีฤกษ์ซึ่งเทศาตรีฤกษ์ก็จะหมายถึงการไม่อยู่ติดที่ เดินทาง หาความสำราญ ใจเขาไม่พอตามสภาพนั่นเอง ใจเขาก็จะขวนขวายและแสวงหา ทีนี้ก็จะเกิดเป็นความขัดแย้ง และเกิดเป็นความทุกข์ และตามมาด้วยการดิ้นรน
ขอให้ใช้ความสังเกตเปรียบเทียบและตั้งคำถามให้บ่อย ๆ ใช้ตรวจดูตัวเราเอง ทดสอบจากตัวเอง และใช้กับคนรอบข้าง คนในครอบครัวก่อน แล้วจะเห็นความน่าทึ่ง มหัศจรรย์ของโหราศาสตร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น