วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สูงกลับต่ำ ต่ำกลับสูง

จักรวาลดำรงอยู่ได้บนพื้นฐานของดุลยภาพของสรรพสิ่ง การขับเคลื่อนของสสารและพลังงานในลักษณะทวิลักษณ์ที่ดูดผลักกันก่อให้เกิดวัฏจักรแห่งการเปลี่ยนแปลงไม่รู้จบแต่ต้องตั้งอยู่บนความสมดุลบนเส้นทางสายกลายจึงจะดำรงความเป็นปกติอยู่ได้ฉันใด พลังแห่งดวงดาวที่กำกับชาตาชีวิตของผู้คนก็เช่นกัน

สูง(มหาอุจ) เล็ง สูง(มหาอุจ) กลับ ต่ำ เช่น พระ ๕ มหาอุจ ในราศีกรกฏ เล็ง พระ ๓ (มหาอุจ)ในราศีมังกร จะกลับเป็นดาวที่ด้อยพลัง (นิจ) ทั้งคู่ หรือ
ดาวเกษตร เล็ง เกษตร แทนที่จะส่งเสริมความแกร่ง เข้มแข็งกลับเสื่อมเป็น ประ ไป

ทั้งนี้เนื่องจากปฎิสัมพันธ์การเชื่อมโยงพลังมันย่อมเป็นไปในทางตรงกันข้ามเหมือนคนเล่นเกมชักคะเย่อกันไม่ว่าฝ่ายใดจะแพ้ชนะก็ย่อมเหน็ดเหนื่อยและเสียสมดุล หกล้มเสียหลักกันไปทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน

ต่ำ(นิจ) เล็ง ต่ำ (นิจ) กลับ สูง หรือ
เสื่อม (ประ) เล็ง เสื่อม (ประ) กลับ มั่นคงเข้มแข็ง(เกษตร)

สอดคล้องกับกฏการคำนวณทางคณิตศาสตร์ คือ จำนวนลบ คูณ จำนวนลบ ผลลัพธ์ จะได้เป็น จำนวนบวกขนาดเท่ากับค่าสมบูรณ์ของจำนวนลบทั้งคู่คูณกันซึ่งทวีค่าออกมาในเชิงบวก หรือ สอดคล้องกับกฏแห่งพันธุกรรมที่พ่อเตี้ย กับ แม่เตี้ย ก็มักจะมีบุตร สูงกว่า พ่อแม่ นั่นเอง มันเป็นหลักการปกติของธรรมชาติในการรักษาแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลางของสรรพสิ่ง (ความสมดุล) นั่นเอง

วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เดรัจฉานวิชากับปรัชญาโหราศาสตร์

ชาวพุทธ ผู้ตื่นรู้ และเบิกบานเชื่อมั่นในกฏของเหตุและผล หรือ กฏแห่งกรรม พลังอำนาจแห่งดาวนักขัตฤกษ์ทำอะไรคนไม่ได้ ถ้ายึดมั่นในการกระทำความดี ศีล สมาธิ และ ปัญญา มิใช่พึ่งพาสิ่งนอกพุทธศาสตร์ เช่น การบูชา ไล่ บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โหร พระ หรือ คนผู้ใดเชื่อ - บูชา - เสริม - ไล่ - ดวง ถือว่าเป็นการกระทำเดรัจฉานวิชา มิใช่ชาวพุทธ ต้องยึดหลักตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ความรู้หรือปรัชญาที่เกิดจากโหราศาสตร์เป็นเพียงแนวทางที่เราจะบริหารกรรมให้เหมาะสมเพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ชีวิตของเราเท่านั้น มนุษย์เป็นอิสระได้จากทุกสิ่งโดยอิงปัญญาด้วยการปล่อยวางจากสิ่งปรุงแต่งทั้งสิ้น

วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

คู่พลังคิดเชิงวิพากษ์

สมพลแปลว่ามีกำลังอยู่เสมอ ดาวคู่สมพล ๔ คู่ คือ ๑๖ ๒๘ ๓๕ และ ๔๗ สี่คู่ร่วมพลัง สานสร้างพลังอันเข้มแข็ง ส่งเสริมเติมพลังแก่กันขับเคลื่อนตามวิถีแห่งโลกธรรมแปด ลาภ ยศ สรรเสริญ และ สุข หรือ ตรงข้าม แม้ว่าดาวดวงใดดวงหนึ่งในคู่กันจะตกในราศีที่ทำให้เป็นนิจ หรือ ประแต่เมื่อมาอยู่ในตำแหน่งคู่สมพลกันแล้วย่อมทำให้ดาวคู่นั้นกลับมีพลังขึ้นมาอีกได้ เป็นเจ้าเรือนภพอะไรก็ทำให้ภพนั้นเข้มแข็งขึ้น
คู่สมพล ๓๕ ในราศีธนู ให้คุณค่าเด่นมากสูงกว่าคู่สมพลอื่น ๆ ให้คุณด้านเกียรติยศ ชื่อเสียง อำนาจ การปกครอง การบังคับบัญชา การเป็นหัวหน้า ผู้นำหรือเจ้าใหญ่นายโตเลยทีเดียว
คู่สมพล ๓๕ โดยทั่วไป เป็นคู่ที่ให้กำลังด้านสติปัญญา ความคิดที่เฉียบขาดรุนแรง การแตกหักรวดเร็ว เช่น คิดปฏิวัติสังคมเป็นต้น เจ้าแห่งสงคราม และ เหตุผล สานพลังเชื่อมโยงกันทำให้มีพลังความคิดเด็ดเดี่ยวตั้งมั่นจริงจัง สังเกตชายเจ้าชู้ทั้งหลายซึ่งจีบสาวให้ตายใจก็กลุ่มรวมพลัง ๓๕ นี้แหละ ผู้สมัครผู้แทนที่ใช้ความคิดเชิงวิพากษ์ดุดัน รุนแรง คมเข้มด้วยเหตุผลจนผองชนเทคะแนนให้อย่างล้นหลามก็บุคคลที่มี ๓๕ ในดวงชะตาทั้งนั้น เมื่อจะกล่าวถึงคนหัวรุนแรงก็คนที่ต้นทุนกรรมเป็นเช่นนี้เอง

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วาจาเหนือคน

ดวงชาตาของผู้มีวาจาเหนือคน คือคู่สมพล ๔๗ พระเคราะห์คู่นี้จะเสริมพลังกันให้ความโดดเด่นด้านการเจรจาพาทีแห่งถ้อยคำสำนวนอันหยดย้อยจับจิตจับใจผู้ฟัง หรือเจรจากระทบกระเทียบเปรียบเปรย กระแทกแดกดัน คำโต้เถียงที่เผ็ดร้อนมิผ่อนคลายให้ฝ่ายตรงข้ามได้ตั้งตัว เมื่อพุธคือเทพเจ้าแห่งถ้อยคารมคมคายเชื่อมประสานกับเจ้าแห่งความประณีตหนักแน่น เหน็ดเหนื่อย ย่อมเสริมหนุนให้เจ้าชาตามีคำความอันไร้ผู้ตามทัน เข้มคมสมสาระ ไม่เหลาะแหละเหลวไหลให้หงุดหงิด พูดในบริบทที่เห็นว่ามีประโยชน์ ก่อเกิดผลในเชิงรายได้ หรือให้ชัดในอรรถรสความแห่งคำพูดดีมีรสนิยม มุ่งหมายให้อ่อนหวานสมานหูผู้ฟัง เป้าหมายให้ถูกใจ เห็นใจในคำร้อง หรือคำพูดตน แต่เมื่อด่าบริภาษใครก็ย่อมเสียดสีกระทบได้อย่างตรงเป้าประสงค์ พูดได้ชนิดคนฟังเจ็บแสบในน้ำคำจวนคลั่งด้วยจนแต้มที่จะเถียง อึดอัดที่คัดง้างด้วยเหตุผล จนปัญญาด้วยน้ำหนักแห่งถ้อยวจี เติมศักดิ์ศรีของยอดเจรจาเหนือคนบรรดาลดลให้แตกหักตามต้องการ ยกให้คู่สมานสี่เจ็ดเป็นเต้ย พูดจริง ทำจริง สุดยอดน่านับถือ

มฤตยูผู้น่ารัก

มฤตยู(เนพจูน) หรือ พระ 0 เป็นดาวนักปฏิวัติ เปลี่ยนแปลงพลิกผัน ท้าทาย จากหงายเป็นคว่ำ หรือคว่ำเป็นหงาย จากชาตาร้ายเป็นดี หรือดีเป็นร้าย รวดเร็ว ฉับพลัน กะทันหัน หักโค่น เปลี่ยนโฉบอย่าง immediantly! โดยไม่เกรงหน้าอินทร์ พรหมณ์ ยมยักษ์ ผู้ใดทั้งสิ้น
พระ 0 เป็นดาวผู้กล้า นักสู้ ท้าทายไม่เว้นไว้แม้แต่ความตาย ไม่แคร์ว่ามันจะฉิบหายวายวอดหรือจะสูญเสียมากมายเพียงใดก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อสู้และท้าทายกับชนชั้นผู้ปกครอง ผู้มีบารมีที่มีอำนาจเหนือ มฤตยูไม่เคยกลัวหรือหวั่นหวาด จึงได้รัีบการกล่าวขานกันว่าเป็นดาวนักปฏิวัติการเมืองและสังคม
ฉันใดก็ฉันนั้นเมื่อพระ 0 ร้าย ก็จะสุดหยั่งคาด ล้มเหลว พ่ายแพ้ เสียชื่อเสียง พลิกกลับแห่งโชคชะตาจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่ว่าจะเป็น อาชีพ การงานและความคิด ตีลังกา เผยโฉมแห่งมายาภาพให้เห็นอย่างชัดเจน obviously! โอ้พระเจ้า!


หมายเหตุ พระ 0 หมายถึง น้ำมัน น้ำ ทะเล ส่งเสริม แผ่ขยายและให้ปริมาณ เช่น พระ ๕
พระ 0 ถ้าให้โชค ก็ใหญ่หลวงเกินคาดหมาย ถ้า 0 มีระยะเชิงมุมดี จะให้ผลอย่างมากมายใหญ่หลวงแต่ถ้าร้ายก็ตรงกันข้าม

เกตุเก้าเร้ามฤตยู

เมื่อดาวเร่ง(พระ ๙) interraction กับ ดาวปฏิวัติ (พระ 0)ในดวงชาตากำเนิด จะส่งผลให้เจ้าชาตาเป็นผู้มีญาณทรรศนะในใจ เฉกเช่นพรสวรรค์แห่งตน มี six sense ในการคาดการณ์เหตุการณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เดาใจคนเก่ง เก็งความจริงได้แม่น ถนัดในวิทยาศาสตร์ฉลาดในมิติที่ลี้ลับ ทั้งโหราฯและไสยาฯ

หมายเหตุ ถ้าพระ ๙ ร่วมกับ พระ ๔ ทำให้เจ้าชาตา คิดได้อย่างปราดเปรื่องและเจรจาได้อย่างแหลมคมฉะฉาน

จอมมารครบร่าง

เมื่อพระราหู และ พระเกตุ อยู่ร่วมราศี หรือเกาะกุมกัน ก็เป็นอสูรสมบูรณ์ครบร่าง (พระ ๙ เป็นส่วนหางของพระ ๘) อิทธิฤทธิ์ก็คงเหลือร้าย ถ้าราหูตั้งอยู่ในตำแหน่งดีก็จะส่งเสริมให้ ๘ ทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น กล้าหาญฉับไวเพราะถูกคะตะไลเร่งเร้าโดยเกตุ สามารถเอาชนะอุปสรรคศัตรูหมู่อริได้อย่างฉับพลันทันใด

ไร้ดาวครองเรือน

ถ้าเรือนใดไร้ดาวครอง ให้ใช้ดาวเกษตรเป็นตัวแทนในการบ่งชี้ความเป็นไปตามสภาวะแห่งเรือน ราศี มาตรฐาน ตามภพที่สถิต การอ่านวิธีนี้สมัยโบราณมักเก็บงำไว้ไม่ยอมสอนผู้ใด เกรงจะรู้เท่า อาจารย์มักเก็บไว้เป็นทีเด็ด ให้ตายตามตัวไป

โคลงดวงมหาจักร

ภุมม์กันย์จันทร์เมษแม้น ราศี
พฤษภสถิตเสารี อยู่ไซร้
พุธสิงหโดยมี ศุกร์อยู่ ธนูนา
กาลกุมลัคน์ให้ กลับฟื้นผลคุณ

อัฐเคราะห์ใดโคจรในตำแหน่งที่ปรากฏตามโคลงในดวงชาตากำเนิด นิยมกันว่าดี ถึงเป็นกาลกรรณีกุมลัคน์ก็ยังยกย่องว่าดี
หลัก
ก. กาลกรรณีเป็นมหาจักร ถ้าไม่กุมลัคนา ร้ายนักแล
ข. ดาวเคราะห์ใดเป็น เดช ศรี มนตรี ดีนักแล

หมายเหตุ
พระ ๒ มหาจักรในดวงชาตาหญิง จะเกิดวันใดก็ตาม มักได้สามีชั้นสูงเสมอ ถ้าเกิดวันพุธด้วยแล้วย่อมได้ฐานะสูง เป็นคุณหญิง ท่านผู้หญิง ถึง อื่น ๆ จะเสียก็ไม่ต้องคำนึงถึึง ต่อให้หอบของขายมาเดิม
พระ ๓ ๗ ๘ มหาจักรเป็นกาลกรรณีจรร้ายมาก เว้นแต่ในราศีกีฎะ และมีพระ ๕ เป็นมหาจักรอยู่ด้วยก็คุ้มได้
พระ ๕ พิจิก คมคาย ไม่ขยายขี้เท่อ ส่งเสริม

คาถาดาวเกษตร

รวิเกษตรา ไชยะ ศัตรู
จันทรเกษตรา ชนัปปิยา
ภุมมเกษตรา พหูวิทยา
พุธเกษตรา จ ปัณฑิตา
ครุเกษตรา ปัญญวันโต
ศุกรเกษตรา มหาสีโล
โสรีเกษตรา สูราธาโร
ราหุเกษตรา อเกสราฯ

พระ ๑ เกษตร รูปงาม ศัตรูน้อย คนรักมากแต่พึ่งมิได้ แต่แก่ตัวลงถอยทรัพย์ หรือใจบาปชอบหากินเป็นชาวประมงฯ
พระ ๒ เกษตร มีสมบัติมาก มีวาสนา เจรจาไพเราะห์ฯ
พระ ๓ เกษตร วิชาดี ปากกล้า จะได้ปกครองคน เป็นทหารหรือพ่อค้าก็ได้ดี
พระ ๔ เกษตร เป็นปราชญ์ รู้ธรรม บริบูรณ์ทรัพย์
พระ ๕ เป็นเกษตร มีโภคะมาก เป็นบัณฑิต วาจาเป็นที่ชอบใจคน
พระ ๖ เป็นเกษตร ทำมาค้าขึ้น ได้ลาภผลมาก เป็นพ่อค้าดี
พระ ๗ หรือ ๘ เป็นเกษตร จะเป็นผู้มีอำนาจวาสนา ได้ลาภเพราะใจหาญ แต่ตระหนี่มีผมบางฯ


หลัก ดวงชาตาผู้ใด ได้เกษตรเป็นเดช ศรี มนตรี ท่านว่าดีเลิศ ถ้าเกษตรเป็นกาลกรรณี ร้ายนัก เว้นแต่กาลกรรณีนั้นเป็น อริ มรณ และวินาศน์ แก่ลัคนาหรือแต่ตนุเศษ จึงให้โทษน้อยแล

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เกร็ดพระเกตุ

พระเกตุ ตามตำราไทยท่านว่าเป็นหางของราหูที่ถูกตัดขาด บางคราก็เรียกว่าหางมังกร หรือ จุดสกัดหรือเส้นที่ทางโคจรของดาวตัดกัน ดังนั้นทางต่างประเทศจึงคำนวณเกตุ ต่างจากแบบของไทยคือวิถีโคจรของเกตุ จะตรงข้ามกับราหูเสมอ เช่นราหูอยู่ราศีเมษ เกตุก็จะอยู่ราศีตุลย์ แต่ของไทยไม่เป็นเช่นนั้น ท่านกลับแยกจากกันโดยให้โคจรราศีละ 2 เดือนโดยประมาณไม่ขึ้นอยู่กับราหูหรือตรงข้ามกับราหูเหมือนแบบสากล ไทยจัดให้เป็นวิญญาณธาตุ เพราะถูกตัดขาดเป็น 2 ท่อน ท่อนแรกเป็นราหูที่ดื่มน้ำอมฤตแต่น้ำอมฤตยังตกไปอยู่แค่ในกระเพาะ ราหูเลยรอด ส่วนเกตุก็ลงไปดิ้นชัก...แหง๊กๆ เหมือนหางจิ้งจกที่ขาด แล้วตายไปเนื่องด้วยไม่ได้รับอำนาจแห่งน้ำอมฤต เมื่อตายไปก็กลายเป็นธาตุวิญญาณแต่ก็ยังทรงซึ่งอิทธิฤทธิ์ไว้เช่นเดิม

เกตุแม้กุมลัคนาอยู่แบบโดดๆ โดยไม่มีดาวอื่นมาร่วมกุมด้วย ก็จะทำให้เจ้าชะตาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วอย่างดูดีและไม่ดี แต่มักจะไปส่งเสริมในทางด้านคุณธรรม ทำให้เจ้าชะตามักได้รับตำแหน่งหัวหน้าในการงานและคุ้มครองในด้านอุบัติเหตุ (ไม่ตายโหง) บางตำราว่าทำให้เจ้าชะตามีผมค่อนข้างบาง และ มักจะไม่ติดคุกติดตะราง เกตุนั้นมักส่งเสริมทางด้านสติปัญญา ปฏิภาณและความผิดปกติ ถ้าในดวงชะตาเกตุสัมพันธ์ถึงพฤหัส เช่น กุม เล็ง ตรีโกณ โยค

นอกจากนี้แล้ว เกตุยังมีอิทธิพลอีกนานับประการ เอาเป็นว่าถ้าผสมหรือร่วมกับดาวดีก็จะสนับสนุนให้ดียิ่งขึ้น ถ้าผสมหรือร่วมกับดาวที่ร้ายก็จะยิ่งร้ายมากขึ้น ดวงชะตาใดที่เกตุไปอยู่ในภพปุตตะ ในแบบ 10 ลัคน์ มักจะได้ลูกแฝด เกตุอยู่ปัตนิก็มักเฉยเมยกับคู่ครอง และ มักเจอคู่รักปุบก็แต่งปับทันที หรือ มีคู่ทีเดี๋ยวพร้อมกัน 2 คน เกตุไปอยู่เรือนอริ

พระเกตุไทยในราศี

พระเกตุ(๙) ไทยในราศี
เกตุในราศีเมษ มักใจเร็วด่วนได้ นิสัยผีเข้าผีออก ชอบทำให้ผู้อื่นแปลกใจ ใครดีมักตอบแทนบุญคุณ ใครร้ายร้ายกลับอย่างขาดใจ

เกตุในราศีพฤษภ มักบ้าหาทรัพย์ ชอบสะสมของแปลกๆ ชอบทำอะไรไม่ค่อยซ้ำแบบใคร

เกตุในราศีเมถุน มักเป็นคนพูดมากเกินไปหน่อย คิดมากไปหน่อย อยู่ไม่ค่อยสุข

เกตุในราศีกรกฎ เป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว ขี้หงุดหงิด เจ้าอารมณ์ใจร้อน

เกตุในราศีสิงห์ มักถือยศถือศักดิ์ ชอบเอาชนะผู้อื่น ชอบทำใจดีสู้เสือ

เกตุในราศีกันย์ ชอบรับใช้ผู้อื่นและไม่ชอบอยู่ติดบ้าน แต่กลับมากินข้าวบ้านตัวเอง มักทำงานหาเงินเพื่อผู้อื่น

เกตุในราศีตุลย์ เป็นคนจู้จี้จุกจิกในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตน อารมณ์มักขุ่นมัว เวลาลงได้รักใครแล้วมักรักแบบหัวปักหัวปรำ

เกตุในราศีพิจิก อายุยืน แต่มักชอบวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ นิสัยธรรมธรรมโม มักยุ่งยากเกี่ยวกับเรื่องความรัก วาจาเปลี่ยนแปลงง่าย ชอบทำอะไร 2 อย่างในเวลาเดียวกัน

เกตุในราศีธนู เป็นคนปัญญาดี เป็นนักค้นคว้าบ้าวิชา แต่มักชอบขัดใจผู้ใหญ่ มักชอบเสียสละเพื่อผู้อื่น

เกตุในราศีมกร ชอบทำงานแปลกๆ มักขยันจนตัวตาย มักทำงานที่ตนรัก และ เป็นคนรักความสงบ

เกตุในราศีกุมภ์ เป็นคนเข้ากับผู้อื่นได้ง่าย มักตกเป็นเหยื่อคนเลวได้ง่าย มักถูกอิจฉาริษยา แต่เป็นคนไม่เสียดายทรัพย์

เกตุในราศีมีน เป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว มักนอกรีตนอกรอย มักเชื่อผู้อื่นมากกว่าญาติตน ญาติพี่น้องมักเบียดเบียน เป็นคนสู้ชีวิตมีความมานะอดทนสูง เมื่อเล็กลำบาก แก่ตัวจึงดี


พระเกตุไทยในเรือนต่างๆ

ตนุ มักพัวพันเกี่ยวกับวัดวาอาราม เกี่ยวกับศาสนาสิ่งลี้ลับ ชอบประดิษฐ์คิดค้น มักมีปมด้อย เป็นคนขยันเอาจริงเอาจัง ผมมักบาง

กดุมภะ มักเก็บทรัพย์ไม่ค่อยอยู่ ชีวิตมักวุ่นวายเกี่ยวกับเรื่องการเงิน ชอบสะสมของเก่าโบราณ

สหัชชะ การติดต่อเจรจา การเดินทางมักยุ่งยาก คนบ้านใกล้เรือนเคียงมักไม่ค่อยถูกกัน ขาดการสนับสนุนจากญาติพี่น้อง

พันธุ พึ่งญาติพี่น้องไม่ค่อยได้ ชอบการเที่ยวเตร่ รักสนุกไม่ชอบอยู่ติดบ้านนานๆ ไม่ค่อยลงรอยกับญาติพี่น้อง

ปุตตะ ไม่ค่อยสนใจการศึกษาเท่าที่ควร อารมณ์มักขุ่นมัว การเสี่ยงโชคไม่สู้ดี เดือดร้อนเพราะบุตร มักได้บุตรแฝด

อริ เป็นคนขี้หงุดหงิด มักหุนหันพลันแล่น มีโรคประจำตัวสุขภาพไม่สู้ดี บริวารมักนำความเดือดร้อนมาให้

ปัตนิ คู่สัญญามักไม่สู้ดีมักมีปัญหากันบ่อย คู่ครองความรักมักมีอุปสรรคพลัดพราก มักผิดหวังเรื่องความรัก คู่ครองมักต่างชาติต่างศาสนา

มรณะ มักชอบในการสอนสั่งผู้อื่น ไม่สนใจทรัพย์สิน เป็นคนรู้จักปล่อยวาง คู่ครองมักชอบสร้างปัญหาให้ มักมีโรคแบบแปลกๆ ยุ่งยากเรื่องมรดก มักสนใจใฝ่รู้เรื่องศาสนา

ศุภะ มักยึดตนเองเป็นใหญ่ ดื้อรั้น ชีวิตมักลุ่มๆดอนๆ ไม่ค่อยมีระเบียบ การดำเนินชีวิตมักยุ่งยาก มักต้องเดินทางไปอยู่ต่างถิ่น

กัมมะ มักชอบทำอะไรแผลงๆ ความรู้เยอะแต่มักนำไปใช้ไม่ค่อยได้ มักมีอาชีพที่เกี่ยวพันกับสิ่งลี้ลับ เกี่ยวกับศาสนา การงานมักมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย รักอิสระ

ลาภะ ไม่ค่อยสนใจใส่ใจกับเรื่องรายได้รายจ่ายมากนัก เป็นคนสมถะรักสันโดษ ชอบสะสมของโบราณ เคร่งครัดในศาสนา มักหลงใหลในศาสตร์ลี้ลับ

วินาสน์ เป็นคนชอบสงวนท่าที มักชอบเก็บตัว มักมีโรคประจำตัว มีมรสุมชีวิตมาก มักประสบกับเหตุการณ์แปลกๆบ่อย

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

กลอนดาวอุจ

สูรเมษพฤษภเจ้า จันทร์อุจ เอี่ยมเอย
กรกฎครูกันย์พุธ ผ่องด้าว
ดุลเสาร์ส่วนราหุจ เลอพิจิก เจิดแฮ
ภุมม์มกรศุกร์ท้าว เทิดเบื้องมีนเฉลิม

หมายเหตุ
๑) อุจ แปลว่า สูง เนื่องจากดาวเคราะห์ในโหราศาสตร์ไทยของเรามีดาวเป็นอุจจาวิลาศอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจนต่างจากอุจจาวิลาศจึงเรียกดาวอุจนี้ว่า มหาอุจ
ดาวเคราะห์ ถ้าบริสุทธิ์ก็ให้คุณแก่เจ้าชาตาดีนัก

๒) จำนวนของดาวอุจในดวงชาตา
ถ้ามี ๑ ดวง จะมี ข้าทาสมาก
ถ้ามี ๒ ดวง จะมีปัญญามาก มีทรัพย์มากกว่าญาติสองเท่า
ถ้ามี ๓ ดวง จะเป็นทหารเอก ประจญข้าศึกชนะ
ถ้ามี ๔ ดวง จะมีภรรยาดี ๆ มาก ๆ
ถ้ามี ๕ ดวง จะได้เป็นโหราจารย์ หรือเสนาบดี

๓) ดาว ๑ เป็นมหาอุจ จะเป็นผู้มีทรัพย์มาก ชนะศัตรู มีมิตรดี ความรู้มาก มีวาสนายิ่งญาติ
ดาว ๒ เป็นมหาอุจ จะเป็นผู้มีทรัพย์มาก เป็นที่รักแก่มหาชน อายุยืน ลูกหลานมาก
ดาว ๓ เป็นมหาอุจ เป็นผู้กล้าโวหาร โทโสร้ายหายเร็ว มีชื่อเสียง รบชนะ บริบูรณ์ด้วยอาหาร
ดาว ๔ มหาอุจ เป็นคนรูปงาม มีทรัพย์ มีสุข มีความรู้ดี ลูกเมีย บริวารมาก
ดาว ๗ หรือ ๘ เป็นมหาอุจ แรงด้วยโภคทรัพย์ ใจกร้าวกล้าแกร่ง มีอำนาจวาสนา มีลูกดีสมใจ ชนะศัตรู อายุยืน
ดาว ๕ มหาอุจ มีปัญญา คนเกลียดน้อย เพราะว่าเป็นผู้มีไมตรีทำแต่ประโยชน์ให้ จะไปที่ใดย่อมมีลาภ คผู้ใหญ่ ครูอาจารย์รักมาก
ดาว ๖ มหาอุจ เป็นผู้มีทรัพย์ รู้ธรรม เรียบร้อย

พระเกตุ ๙ มหาอุจ

ดาวเกตุ เป็นมหาอุจ ณ ตำแหน่งที่อยู่ในช่องว่างของทั้ง ๔ ราศี คือ ๒(มิถุน) ๔(สิงห์) ๘(ธนู) และ ๑0 (กุมภ์)
ผล: ผู้ใดมีพระ ๙ อยู่ในตำแหน่งมหาอุจ จะได้เป็นขุนนาง มีความสุชมาก

โอม

นมัสสิตวา
นบพระตถา- คตธรรมคัมภีร์
นบสงฆ์สิกขา
นบอาจารีย์
นบโหราตรี- เวทวิทศาสตร์ไสย

จักรทีปนี

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เหนือดวงชาตา

อันที่จริงคนเรานั้นถ้าจิตใจไม่ว้าวุ่น ทำให้สงบแล้วก็เกือบจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ พ้นจากความเป็นปุถุชันแล้ว แต่คนธรรมดานั้นจิตใจยากที่จะสงบระงับได้ การฟุ้งซ่านนี้เองที่เป็นเหตุให้คนเราถูกผูกมัดด้วยอำนาจพลังบวกและพลังลบของธรรมชาติ ทำให้ไม่มีอิสระเสรีต้องขึ้นอยู่กับดวงชาตาราศี และการโคจรของดวงดาวบนท้องฟ้าที่โหราจารย์ทั้งหลายได้ทำสถิติกันไว้ โหราศาสตร์จึงมีขึ้นด้วยเหตุนี้ก็มีแต่สามัญชนคนธรรมดาเท่านั้นที่ถูกกำหนดได้ตามวิชาโหราศาสตร์ แต่คนที่ทำแต่ความดีมาก ๆ แล้วชาตาชีวิตจะทำอะไรให้ได้ โหราศาสตร์ไม่อาจหยั่งเข้าไปถึงในกรรมดีหรือชั่วของคนเราหรอก วิชาโหราศาสตร์จึงยึดถือเป็นบรรทัดฐานไปทั้งหมดมิได้ คนดีแม้ชาตาชีวิตบ่งไว้ว่าจะไม่ดีอย่างไร แต่พลังแห่งกุศลธรรมนั้นใหญ่หลวงนัก สามารถพลิกความคาดหมายของโหราศาสตร์ได้ คนจนก็กลายเป็นคนรวยได้ คนอายุสั้นก็กลายเป็นคนอายุยืนได้

อ้างอิง : โอวาทสี่ของเหลี่ยวฝาน

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

รหัสลับแห่งจักรวาล

รหัสลับแห่งจักรวาล

ดาวอาทิตย์ ราชาแห่งจักรวาล
ดาวจันทร์ ราชินีแห่งจักรวาล
ดาวอังคาร เทพเจ้าแห่งสงคราม
ดาวพุธ เทพเจ้าผู้ชาญฉลาด
ดาวพฤหัส เทพเจ้าแห่งคุณธรรม
ดาวศุกร์ เทพเจ้าแห่งความรัก
ดาวเสาร์ เทพเจ้าแห่งความทุกข์ระทม
ดาวราหู คราสจันทรเทพ

ราหูที่ปรากฏในวรรณคดี

... อาจารย์ เทพ สาริกบุตร กล่าวถึงราหู ในโหราศาสตร์ไทยในวรรณคดีว่า

“ใน ด้านที่เกี่ยวกับลัคนา ถ้าหากลัคนาสถิตในราศีเมษ พฤษภ กรกฎ และมีราหูกุมลัคน์ ราหูในตำแหน่งนี้จะส่งคุณให้เป็นอย่างยิ่ง เพราะเหตุที่ราหูนี้เป็นจุดคราส อันเกิดจากอาทิตย์และจันทร์ และ เมื่อมาสถิตในเรือนอุจของตนเอง คือราศีเมษอันเป็นราศีอุจน์ของอาทิตย์ ราศีพฤษภ ก็เป็นราศีอุจน์ของจันทร์ ผลของอุจน์จึงบันดาลอิทธิพลให้ ส่วนราศีกรกฎนั้นเล่า ก็เป็นเรือนอุจน์ของพฤหัสบดีอันเป็นประธานของดาวศุภเคราะห์ ก็ย่อมจะบันดาลผลดีให้เช่นกัน ฉะนั้นท่านโบราณาจารย์จึงวางตำรับไว้ว่า

“อสุรินทร์มาตร์แม้น กุมลัคน์

เมษ พฤษภ ตามจักร เลิศแล้ว

ชาตินั้นย่อมทรงศักดิ์ ยศยิ่ง หมื่นนา

เป็นทหารชาญแกล้ว ยุทธกล้ากลางณรงค์ ฯลฯ”